คำสั่งกรมสรรพากร
ที่ ท.ป. 117/2545
เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ สั่งและปฏิบัติราชการ
แทนอธิบดีกรมสรรพากร
--------------------------------
เพื่อให้การปฏิบัติราชการตามประมวลรัษฎากรบางกรณีสำหรับสำนักบริหาร ภาษีธุรกิจขนาดใหญ่เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 38(7) แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิก
(1) คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.62/2539 เรื่อง มอบหมายให้เจ้าพนักงานสรรพากรสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/19 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 110/2545 เรื่อง มอบหมายให้เจ้าพนักงานสรรพากรสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียน ออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/19 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2545
(2) คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 94/2543 เรื่อง มอบอำนาจการสั่งอนุมัติ ให้ถือเป็นรายจ่าย กรณีมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องในการส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการสั่งอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มย้อนหลัง การขยายเวลาการชำระอากรเป็นตัวเงิน และการสั่งอนุมัติการยื่นแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้ กรณีมิได้ใช้แบบแสดงรายการตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด สำหรับศูนย์บริหารภาษีธุรกิจ ขนาดใหญ่ ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2543
(3) คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 107/2545 เรื่อง มอบอำนาจสั่งอนุมัติให้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายการในใบกำกับภาษีเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นหน่วย เงินตราต่างประเทศ ตามมาตรา 86/4 และมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับศูนย์บริหาร ภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2545
(4) คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท. 486/2542 เรื่อง มอบอำนาจหน้าที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดี สำหรับศูนย์บริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
ข้อ 2 มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร สำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังต่อไปนี้
(1) การอนุมัติให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลถือเงินที่จ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลา บัญชีที่แก้ไขให้ถูกต้องหรือในรอบระยะเวลาบัญชีที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องได้สำหรับกรณีบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ในการส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรอง เลี้ยงชีพ ตามข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 183 (พ.ศ. 2533) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(2) การอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มย้อนหลังตามมาตรา 85 วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร
(3) การอนุมัติขยายเวลาการชำระอากรเป็นตัวเงินตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีผู้มีหน้าที่เสียอากรได้เสียอากรโดยวิธีปิดแสตมป์บนตราสาร สำหรับตราสารที่กำหนดให้ต้องชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากรตามประกาศอธิบดี กรมสรรพากรที่ออกโดยอาศัยอำนาจ ตามมาตรา 123 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต่อมาได้นำตราสารดังกล่าวไปชำระอากรเป็นตัวเงินไว้อีก และได้ขอขยายเวลาการชำระอากรเป็นตัวเงิน
(4) การอนุมัติให้ถือว่าผู้มีหน้าที่หักภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการนำส่งภาษีถูกต้องตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยอนุโลม ในกรณีผู้จ่ายเงินได้ซึ่งมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ได้นำส่งภาษีโดยมิได้ใช้แบบแสดงรายการตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดสำหรับการหักภาษี ตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 50 มาตรา 69 ทวิ และมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
(5) การอนุมัติให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทำรายการในใบกำกับภาษีเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ ตามมาตรา 86/4 และมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร
(6) การสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/19 แห่งประมวลรัษฎากร
(7) การอนุมัติขยายกำหนดเวลาการอุทธรณ์ตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร ตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร
(8) การอนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรระหว่างรอคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือคำพิพากษาของศาล ตามมาตรา 31 แห่งประมวลรัษฎากร
(9) การรับจำนอง การรับจำนำ การไถ่ถอนการจำนอง และการคืน ทรัพย์สินที่จำนำกรณีการใช้ทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้ภาษีอากร และให้มีอำนาจ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปทำการดังกล่าวแทนได้ด้วย
(10) การสั่งคืนสัญญาค้ำประกันที่ใช้ค้ำประกันหนี้ภาษีอากรค้างระหว่างขอทุเลาการเสียภาษีอากรหรือการผ่อนชำระภาษีอากรค้าง เมื่อปรากฏว่าผู้ค้างภาษีอากรได้ชำระภาษีอากรค้างครบถ้วนแล้ว หรือได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ปลดหนี้ภาษีอากรค้าง รวมถึงการแจ้งหมดภาระผูกพันตามสัญญาค้ำประกันไปยังผู้ค้ำประกันด้วย
(11) การอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะย้อนหลังตามมาตรา 91/12 วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร
(12) การสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะออกจากทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/21(3) แห่งประมวลรัษฎากร
(แก้ไขเพื่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพารที่ ท.ป.132/2546 ใช้บังคับ 10 กันยายน 2546 เป็นต้นไป)
ข้อ 3 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2545
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล
(นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล)
อธิบดีกรมสรรพากร
|