มาตรา
5 ภาษีอากรซึ่งบัญญัติไว้ในลักษณะนี้
ให้อยู่ในอำนาจหน้าที่และการควบคุมของกรมสรรพากร |
|
|
มาตรา
6 ในกรณีทั้งปวงซึ่งคณะบุคคลเป็นผู้มีหน้าที่และคณะนั้นมิใช่นิติบุคคล
ให้ผู้อำนวยการหรือ ผู้จัดการคณะเป็นผู้รับผิดชอบ |
|
|
|
มาตรา
7 บรรดารายการ
รายงาน หรือเอกสารอื่นซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต้องทำยื่นนั้น
ให้กรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อ |
|
|
|
มาตรา
8 หมายเรียก
หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากรหรือหนังสืออื่นซึ่งมีถึงบุคคลใดตามลักษณะนี้
ให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือให้เจ้าพนักงานสรรพากร นำไปส่ง
ณ ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงานของบุคคลนั้น ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
หรือในเวลาทำการของบุคคลนั้น ถ้าไม่พบผู้รับ ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่
หรือสำนักงานของผู้รับจะส่งให้แก่บุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และอยู่หรือทำงานในบ้าน
หรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของผู้รับนั้นก็ได้ |
กรณีไม่สามารถส่งตามวิธีในวรรคหนึ่งได้
หรือบุคคลนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ใช้วิธีปิดหมาย หนังสือแจ้ง หรือหนังสืออื่นแล้วแต่กรณี
ในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ ที่อยู่หรือสำนักงานของบุคคลนั้น หรือบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรครั้งสุดท้าย
หรือโฆษณาข้อความย่อในหนังสือพิมพ์ที่จำหน่ายเป็นปกติในท้องที่นั้นก็ได้
|
เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ให้ถือว่าเป็นอันได้รับแล้ว |
|
(พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2529 ใช้บังคับ 1 ก.พ. 2529 เป็นต้นไป ) |
|
|
|
|
มาตรา
9 ทวิ เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
ถ้าจะต้องตีราคาทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นเงิน ให้ถือราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้ทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น |
|
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ.
2494 ใช้บังคับ 25 เม.ย. 2494 เป็นต้นไป )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.118/2545 ) |
|
|
|
มาตรา
10
เจ้าพนักงานผู้ใดโดยหน้าที่ราชการตามลักษณะนี้ ได้รู้เรื่องกิจการของผู้เสียภาษีอากรหรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง
ห้ามมิให้นำออกแจ้งแก่ผู้ใด หรือยังให้ทราบกันไปโดยวิธีใด เว้นแต่จะมีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
|
|
|
|
มาตรา
10 ทวิ
เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร อธิบดีมีอำนาจเปิดเผยรายละเอียดดังต่อไปนี้ |
(1)
ชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกประเมินเพิ่มเติมของผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้น
|
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ใช้บังคับ 1 ม.ค.
2535 เป็นต้นไป ) |
(2)
ชื่อผู้เสียภาษีอากรและจำนวนภาษีอากรที่เสีย |
(3)ชื่อผู้สอบบัญชี
และพฤติการณ์ของผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี ตามมาตรา
3 สัตต
ทั้งนี้
ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 3 ก.ค.
2525 เป็นต้นไป )
(
ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียภาษีอากร
พ.ศ. 2525 ) |
|
|
|
|
มาตรา
11
ทวิ ถ้าผู้เสียภาษีอากรต้องการขอใบแทนใบเสร็จที่เจ้าพนักงาน ได้ออกให้ไปแล้ว
ให้ขอรับได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 50 สตางค์ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2482 ใช้บังคับ 7 พ.ย. 2482 เป็นต้นไป
) |
|
|
|
มาตรา
12
ภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่งตามลักษณะนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว
ถ้ามิได้เสียหรือนำส่ง ให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง |
เพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้าง
ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรได้ทั่วราชอาณาจักร
โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อำนาจดังกล่าวอธิบดีจะมอบให้รองอธิบดีหรือสรรพากรเขตก็ได้ |
ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอมีอำนาจเช่นเดียวกับอธิบดีตามวรรคสองภายในเขตท้องที่จังหวัดหรืออำเภอนั้น
แต่สำหรับนายอำเภอนั้นจะใช้อำนาจสั่งขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัด |
วิธีการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน
ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุโลม ส่วนวิธีการอายัดให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี |
|
(
ระเบียบกรมสรรพากร ว่าด้วยการออกทำการตรวจค้นหรือยึดเพื่อการเร่งรัด
ภาษีอากรค้าง )
(
ระเบียบกรมสรรพากร ว่าด้วยการอายัดทรัพย์สินตามความในมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร
)
|
เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว
ให้หักค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาด และเงินภาษีอากรค้าง
ถ้ามีเงินเหลือให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์สิน |
|
(
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 17 ต.ค.
2525 เป็นต้นไป ) |
ผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรตามวรรคสอง
ให้หมายความรวมถึงผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วย |
|
(
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526 ใช้บังคับ 29 พ.ย.
2526 เป็นต้นไป )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.126/2546 )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.130/2546 )
|
|
|
|
มาตรา
12 ทวิ
เมื่อได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 12 แล้ว ห้ามผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย
ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่บุคคลอื่นซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าว |
|
|
|
มาตรา
12 ตรี
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 12 ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 12 หรือสรรพากรจังหวัดมีอำนาจ |
(1)
ออกหมายเรียกผู้ต้องรับผิดชำระภาษีอากรค้างและบุคคลใด ๆ ที่มี เหตุสมควรเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาให้ถ้อยคำ |
(2)
สั่งบุคคลดังกล่าวใน (1) ให้นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันจำเป็นแก่การจัดเก็บภาษีอากรค้างมาตรวจสอบ |
(3)
ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรทำการตรวจค้นหรือยึดบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นของบุคคลดังกล่าวใน
(1) |
การดำเนินการตาม
(1) หรือ (2) ต้องให้เวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันได้รับหมายเรียกหรือคำสั่ง
การออกคำสั่งและทำการตาม (3) ต้องเป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด |
|
(
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 17 ต.ค.
2525 เป็นต้นไป )
(
ระเบียบกรมสรรพากร ว่าด้วยการออกทำการตรวจค้น หรือยึดเพื่อการเร่งรัดภาษีอากรค้าง
)
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.126/2546 )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.130/2546 )
|
|
|
|
มาตรา
13
เจ้าพนักงานผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 10 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
500 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ |
|
|