มาตรา
1
กฎหมายนี้ให้เรียกว่า " ประมวลรัษฎากร " |
|
|
|
|
. มาตรา
3 ทวิ ถ้าเจ้าพนักงานดังต่อไปนี้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรต้องได้รับโทษจำคุก
หรือไม่ควรถูกฟัองร้องให้มีอำนาจเปรียบเทียบ โดยกำหนดค่าปรับแต่สถานเดียวในความผิดต่อไปนี้
เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 13 คือ |
(1)
ความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ ซึ่งโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร
ให้เป็นอำนาจของอธิบดี ถ้าเกิดขึ้นในจังหวัดอื่นให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด |
(2)
ความผิดที่มีโทษปรับหรือโทษจำคุกเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
ซึ่งโทษจำคุกเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปีให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย
อธิบดี อธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีกรมตำรวจ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย |
ถ้าผู้ต้องหาใช้ค่าปรับตามที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจ
เปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันคุ้มผู้ต้องหามิให้ถูกฟ้องร้องต่อไป
ในกรณีแห่งความผิดนั้น |
ถ้าผู้มีอำนาจเปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งเห็นว่า
ไม่ควรใช้อำนาจเปรียบเทียบ หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมตามที่เปรียบเทียบ
หรือยอมแล้วแต่ไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบกำหนดให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
และในกรณีนี้ ห้ามมิให้ดำเนินการเปรียบเทียบตามกฏหมาย อื่นอีก |
|
(
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 3 ก.ค.
2525 เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา
3 ตรี บุคคลใดจะต้องเสียเงินเพิ่มภาษีอากรตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้
และบุคคลนั้นยินยอมและชำระเงินเพิ่มภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในกฎกระทรวงแล้ว
ให้ถือว่าเป็นอันคุ้มบุคคลนั้นมิให้ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากร |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2494 ใช้บังคับ 25 เม.ย.2494
เป็นต้นไป )
( ดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 129
(พ.ศ. 2512) ) |
|
|
|
มาตรา 3 จัตวา ในกรณีที่บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรกำหนดให้บุคคลไปเสียภาษีอากร
ณ ที่ว่าการอำเภอ รัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้ไปเสีย ณ
สำนักงานแห่งอื่นก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ การเสียภาษีอากรนั้นให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงิน
ซึ่งหัวหน้าสำนักงานแห่งนั้นได้ลงลายมือชื่อรับเงินแล้ว |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2494 ใช้บังคับ 25 เม.ย.2494
เป็นต้นไป )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.7/2528
) |
|
|
|
มาตรา 3 เบญจ เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร
ให้อธิบดีมีอำนาจเข้าไป หรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปในสถานที่
หรือยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจค้น ยึด หรืออายัดบัญชีเอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เกี่ยวกับ
หรือสันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรที่จะต้องเสียได้ทั่วราชอาณาจักร |
ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือสรรพากรเขตมีอำนาจเช่นเดียวกับอธิบดีตามวรรคหนึ่ง
สำหรับในเขตท้องที่จังหวัดหรือเขตนั้น |
การทำการตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
ต้องทำในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการของผู้ประกอบกิจการนั้น |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25 ) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 3 ก.ค.2525
เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา 3
ฉ บรรดาบัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับหรือ สันนิษฐานว่าเกี่ยวกับภาษีอากรที่จะต้องเสีย
ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศ เจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้บุคคลใดที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
จัดการแปลเป็นภาษาไทยให้เสร็จภายในเวลาที่สมควรก็ได้ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10 ) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับ 10 ก.พ.2496
เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา 3 นว ผู้ใดรู้อยู่แล้วไม่อำนวยความสะดวกหรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการ
ตามหน้าที่ ตามความในมาตรา 3 เบญจ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10 ) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับ 10 ก.พ.2496
เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา 3 ทศ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานประเมินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
ตามความใน มาตรา 3 ฉ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10 ) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับ 10 ก.พ.2496
เป็นต้นไป) |
|
|
มาตรา 3
ทวาทศ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา
3 เอกาทศ ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินสองพันบาท |
|
(
ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2520 ใช้บังคับ 9 พ.ย. 2520 เป็นต้นไป
) |
|
|
|
|
มาตรา 3
จตุทศ ในกรณีที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
ให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งก่อน ไม่ว่าการจ่ายเงินนั้นจะเกิดขึ้นจากคำสั่งหรือ
คำบังคับของศาล หรือตามกฎหมาย หรือเหตุอื่นใดก็ตาม |
|
(
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2526 ใช้บังคับ 29 พ.ย.
2526 เป็นต้นไป ) |
|
|
|
|
มาตรา
4 ทวิ คนต่างด้าวผู้ใดจะเดินทางออกจากประเทศไทยต้องเสียภาษีอากรที่ค้างชำระ
และหรือที่จะต้องชำระ แม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระ หรือจัดหาเงินประกันภาษีอากรให้เสร็จสิ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้ก่อนออกเดินทาง |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป) |
|
|
|
มาตรา 4
ตรี ให้คนต่างด้าวซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศไทยยื่นคำร้องตามแบบที่อธิบดีกำหนด
เพื่อขอรับใบผ่านภาษีอากรภายในกำหนดเวลาไม่เกินสิบห้าวันก่อนออกเดินทาง
ไม่ว่ามีภาษีอากรที่ต้องชำระหรือไม่ |
การยื่นคำร้องตามความในวรรคก่อน
ถ้าผู้ยื่นคำร้องมีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ในเขตจังหวัดพระนครหรือจังหวัดธนบุรี
ให้ยื่นต่ออธิบดีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ถ้ามีภูมิลำเนาหรือพักอยู่ใน
เขตจังหวัดอื่นให้ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
|
คนต่างด้าวผู้ใดไม่ยื่นคำร้องขอรับใบผ่านภาษีอากรตามความในวรรคก่อน
หรือยื่นคำร้องแล้วแต่ยังไม่ได้รับใบผ่านภาษีอากร เดินทางออกจากประเทศไทย
หรือพยายามเดินทางออกจากประเทศ นอกจากจะมีความผิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรนี้
ให้คนต่างด้าวผู้นั้นเสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 ของเงินภาษีอากรที่จะต้องเสียทั้งสิ้นอีกด้วย
เงินเพิ่มตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นค่าภาษีอากร |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16 ) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.114/2545 )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ป.120/2545 ) |
|
|
|
|
มาตรา 4
เบญจ ให้ผู้รับคำร้องตามมาตรา 4 ตรี ตรวจสอบว่าผู้ยื่นคำร้องมีภาษีอากรที่จะต้องเสียตามมาตรา
4 ทวิ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ออกใบผ่านภาษีอากรตามแบบที่อธิบดีกำหนดให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง
|
ถ้าในการตรวจสอบตามความในวรรคก่อนปรากฏว่า
ผู้ยื่นคำร้องมีเงินภาษีอากรที่ต้องเสียตามมาตรา 4 ทวิ และผู้ยื่นคำร้องได้นำเงินภาษีอากรมาชำระครบถ้วนแล้วก็ดี
หรือไม่อาจชำระได้ทั้งหมดหรือได้ชำระแต่บางส่วน และผู้ยื่นคำร้องได้จัดหาผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันที่อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเห็นสมควรมาเป็นประกันเงินค่าภาษีอากรนั้นแล้วก็ดี
ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายออกใบผ่านภาษีอากรให้ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.2502
เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา 4
ฉ ในกรณีที่ผู้รับคำร้องตามมาตรา 4 ตรี พิจารณาเห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องมีเหตุผลสมควรจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการรีบด่วนและชั่วคราว
และผู้ยื่นคำร้องมีหลักประกัน หรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือที่จะต้องชำระ
ให้อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายออกใบผ่านภาษีอากรให้ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป)
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.114/2545 ) |
|
|
|
มาตรา 4
สัตต ภายใต้บังคับมาตรา 4 อัฏฐ ใบผ่านภาษีอากรให้มีอายุใช้ได้สิบห้าวันนับแต่วันออก
ถ้ามีการขอต่ออายุใบผ่านภาษีอากรก่อนสิ้นอายุ อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต่ออายุให้อีกสิบห้าวันก็ได้ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป)
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.114/2545 ) |
|
|
|
มาตรา 4
อัฏฐ คนต่างด้าวซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยเป็นปกติธุระเกี่ยวกับการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ
จะยื่นคำร้องต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายแล้วแต่กรณี
ขอให้ออกใบผ่านภาษีอากรให้ใช้เป็นประจำก็ได้ ถ้าผู้รับคำร้องพิจารณาเห็นว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีความจำเป็นดังที่ร้องขอและมีหลักประกัน
หรือหลักทรัพย์อยู่ในประเทศไทยพอคุ้มค่าภาษีอากรที่ค้างหรือที่จะต้องชำระ
แล้วจะออกใบผ่านภาษีอากรให้ตามแบบที่อธิบดีกำหนดก็ได้ ใบผ่านภาษีอากรเช่นว่านี้ให้มีกำหนดเวลาใช้ได้ตามที่ระบุในใบผ่านภาษีอากรนั้น
แต่ต้องไม่เกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.114/2545 ) |
|
|
|
มาตรา 4
นว คนต่างด้าวผู้ใดเดินทางออกจากประเทศไทยโดยไม่มีใบผ่านภาษีอากร
ซึ่งต้องมีตามความในประมวลรัษฎากรนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือทั้งปรับทั้งจำ |
คนต่างด้าวผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับ 4 พ.ย.
2502 เป็นต้นไป ) |
|
|
|
มาตรา 4 ทศ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ได้รับคืนเงินภาษีอากรในอัตราร้อยละ
1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของภาษีอากรที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น
ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง |
|
|
ดอกเบี้ยที่ให้ตามวรรคหนึ่งมิให้เกินกว่าจำนวนเงินภาษีอากรที่ได้รับคืน
และให้จ่ายจากเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ตามประมวลรัษฎากรนี้ |
|
(
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับ 3 ก.ค.
2525 เป็นต้นไป )
( ดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 161
(พ.ศ. 2526) )
( ดูคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.119/2545
) |
|